กรดไหลย้อนเป็นภาวะทั่วไปที่เกิดขึ้นเมื่อของในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหาร ทำให้รู้สึกแสบร้อนบริเวณหน้าอก และลำคอ แม้ว่าจะมียาหลายชนิดที่ใช้รักษากรดไหลย้อนได้ แต่บางคนก็ชอบใช้วิธีการรักษาแบบธรรมชาติ เช่น สมุนไพร ถึงแม้จะมีการขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกรดไหลย้อน ก็ตาม
สมุนไพรรักษากรดไหลย้อน
ขิง
ขิงถูกใช้มานานหลายศตวรรษเพื่อรักษาปัญหาทางเดินอาหารต่างๆ รวมถึงกรดไหลย้อน เป็นที่รู้จักกันเพื่อลดการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร และปรับปรุงการย่อยอาหาร ขิงสามารถบริโภคได้หลายรูปแบบ เช่น ชาขิง ขิงแคปซูล หรือ รากขิงสด ในการทำชาขิง เพียงแช่ขิงสด 2-3 ชิ้น ในน้ำร้อนประมาณ 10-15 นาที แคปซูลขิงสามารถพบได้ในร้านอาหารเพื่อสุขภาพ และสามารถรับประทานได้ตามคำแนะนำ
ดอกคาโมไมล์
คาโมมายล์เป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่ใช้รักษากรดไหลย้อนได้ เป็นที่ทราบกันดีว่ามีสรรพคุณในการทำให้สงบ และสามารถช่วยลดการอักเสบในระบบทางเดินอาหารได้ ชาคาโมมายล์สามารถดื่มก่อนหรือหลังอาหารเพื่อช่วยบรรเทาระบบย่อยอาหาร
สลิปเพอะลี่เอ็ม
สลิปเพอะลี่เอ็ม เป็นต้นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาเหนือ เปลือกของต้นไม้ถูกใช้มานานหลายศตวรรษเพื่อรักษาปัญหาทางเดินอาหารต่างๆ รวมถึงกรดไหลย้อน เชื่อกันว่าเอล์มลื่นจะเคลือบเยื่อบุหลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร ปกป้องพวกมันจากกรดในกระเพาะอาหาร สามารถบริโภคเอล์มลื่นในรูปแบบของชา หรือ แคปซูล
รากชะเอม
มีการใช้รากชะเอมมาหลายศตวรรษเพื่อรักษาปัญหาทางเดินอาหารต่างๆ รวมถึงกรดไหลย้อน เชื่อกันว่าช่วยเพิ่มการผลิตเมือกในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งสามารถช่วยปกป้องเยื่อบุหลอดอาหาร และกระเพาะอาหารจากกรดในกระเพาะอาหาร รากชะเอมสามารถบริโภคได้ในรูปแบบของชา หรือ แคปซูล
marshmallow root
marshmallow root เป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่สามารถใช้รักษากรดไหลย้อนได้ เชื่อกันว่าเคลือบเยื่อบุหลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร ปกป้องจากกรดในกระเพาะอาหาร รากของ Marshmallow สามารถบริโภคได้ในรูปแบบของชา หรือ แคปซูล
วิธีปลูกสมุนไพรรักษากรดไหลย้อน
เลือกสมุนไพรที่เหมาะสม
สมุนไพรบางชนิดไม่ได้มีประโยชน์สำหรับกรดไหลย้อน สมุนไพรที่กล่าวถึงข้างต้นเป็นสมุนไพรที่ดีที่สุดสำหรับกรดไหลย้อน แต่ก็มีสมุนไพรอื่นๆ ที่สามารถเป็นประโยชน์ได้เช่นกัน สมุนไพรอื่นๆ บางชนิดที่สามารถใช้รักษากรดไหลย้อน ได้แก่ ยี่หร่า สะระแหน่ และรากแดนดิไลออน
เลือกตำแหน่งที่เหมาะสม
สมุนไพรต้องการแสงแดดในการเจริญเติบโต ดังนั้นการเลือกสถานที่ที่ได้รับแสงแดดเพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญ สมุนไพรส่วนใหญ่ชอบดินที่ระบายน้ำได้ดี ดังนั้นควรเลือกพื้นที่ที่มีการระบายน้ำดี
เลือกดินที่เหมาะสม
สมุนไพรชอบดินที่เป็นกรดเล็กน้อย โดยมีค่า pH อยู่ระหว่าง 6.0 ถึง 7.0 หากดินของคุณเป็นด่างเกินไป คุณสามารถเติมกำมะถันเพื่อลดค่า pH ได้ หากดินของคุณเป็นกรดมากเกินไป คุณสามารถเติมปูนขาวเพื่อเพิ่มค่า pH
รดน้ำ และใส่ปุ๋ย
สมุนไพรส่วนใหญ่ชอบรดน้ำเป็นประจำ แต่ไม่ควรรดน้ำมากเกินไป การรดน้ำมากเกินไปอาจทำให้รากเน่าได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องปล่อยให้ดินแห้งระหว่างการรดน้ำ การใส่ปุ๋ยสามารถทำได้ด้วยปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยที่สมดุล
การเก็บเกี่ยว
สมุนไพรสามารถเก็บเกี่ยวได้ทันทีที่มีปริมาณมากพอที่จะใช้ ในการเก็บเกี่ยว เพียงตัดส่วนบนไม่กี่นิ้วของต้น ทิ้งใบไว้ข้างหลังเพื่อให้
การจัดเก็บ
สมุนไพรจะใช้สด หรือ แห้งก็ได้ ในการตากสมุนไพร ให้มัดเป็นกำเล็กๆ แล้วแขวนไว้ในที่แห้ง และมีอากาศถ่ายเทสะดวก เมื่อสมุนไพรแห้งแล้วสามารถเก็บไว้ในภาชนะที่มีอากาศถ่ายเทได้ สมุนไพรสดสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้สองสามวัน หรือ แช่แข็งเพื่อเก็บได้นานขึ้น
ข้อควรระวัง
แม้ว่าสมุนไพรจะช่วยรักษากรดไหลย้อนได้ แต่สิ่งสำคัญ คือ ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง สมุนไพรบางชนิดสามารถโต้ตอบกับยา หรือ ทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ และควรหลีกเลี่ยงสมุนไพรบางชนิดในระหว่างตั้งครรภ์ หรือ ให้นมบุตร ปรึกษากับผู้ให้บริการด้านสุขภาพทุกครั้งก่อนใช้สมุนไพรเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาโรค
บทสรุป
สมุนไพรสามารถช่วยรักษากรดไหลย้อนตามธรรมชาติได้ ขิง คาโมมายล์ สลิปปิ้งเอล์ม รากชะเอม และรากมาร์ชแมลโลว์เป็นสมุนไพรที่ดีที่สุดสำหรับอาการนี้ เมื่อปลูกสมุนไพรเพื่อรักษาโรคกรดไหลย้อน สิ่งสำคัญ คือ ต้องเลือกสมุนไพร สถานที่ ดิน การให้น้ำ และการใส่ปุ๋ยที่เหมาะสม การเก็บเกี่ยว และจัดเก็บสมุนไพรอย่างถูกต้องจะช่วยให้สมุนไพรมีประสิทธิภาพสูงสุด อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญ คือ ต้องใช้สมุนไพรด้วยความระมัดระวัง และควรปรึกษากับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพทุกครั้งก่อนนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาโรค