ไฮไลท์
ไมเกรน เกิดจากสมองมีความไวต่อสิ่งกระตุ้น ทั้งภายนอกและภายในเกินกว่าปกติ และมันก็แสดงออกมาเป็นอาการปวดหัว เซลล์สมอง ที่ไม่แข็งแรง มีหลายสาเหตุ และสาเหตุหนึ่งคือพลังงานของเซลล์บกพร่อง
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
รับผลิตอาหารเสริมแก้ปวดไมเกรน ขายอาหารเสริมแก้ปวดไมเกรน

ส่วนประกอบ
1. แมกนีเซียม Magnesium   300 มิลลิกรัม
2. วิตามินบี 12                     25 mcg
3.วิตามินบี 6                          11mg
4.สารสกัดจากขิง                   80 mg
5. ผงขิง                             40  mg
6.ใบแปะก๊วย                    29.05 mg
7.วิตามินซี                           40 mg
แคปซูลละ 500 mg      วันละ 2 แคปซูล  หลังอาหาร

สาเหตุของไมเกรน
1. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ผู้หญิงอาจเป็นไมเกรนในช่วงที่มีประจำเดือน เนื่องจากร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมน
2. อารมณ์ เช่น เครียด, ซึมเศร้า, วิตกกังวล, ตื่นเต้น, ช็อก เหล่านี้สามารถกระตุ้นให้เกิดไมเกรนได้
3. ทางกายภาพ เช่น ความเหนื่อยล้า, เพลีย, พักผ่อนไม่เพียงพอ, การนอนหลับไม่สนิท, นอนผิดท่า, น้ำตาลในเลือดต่ำ ก็เป็นสาเหตุการเกิดไมเกรนได้
4. อาหาร เช่น แอลกอฮอลล์, คาเฟอีนอาจทำให้เกิดไมเกรน หรืออาหารบางชนิด เช่น ช็อกโกแลต, ชีส, การทานอาหารไม่สม่ำเสมอและการขาดน้ำ ก็เป็นการกระตุ้นไมเกรนได้อย่างดี
5. ยา เช่น ยานอนหลับบางชนิด, ยาทดแทนฮอร์โมน (HRT) และยาคุมกำเนิด พวกนี้สามารถเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนได้
6. จากสิ่งแวดล้อมทั่วไป เช่น การจ้องมองที่ไฟกระพริบ, กลิ่นเหม็น, ควันบุหรี่, เสียงดัง, แสงจ้า, การอยุ่ในที่แออัดและห้องที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิแบบเฉียบพลัน

อาการ
อาการของไมเกรนสามารถเกิดขึ้นได้ก่อน ในขณะ หรือหลังจากปวดหัวก็ได้ อาการของไมเกรนของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน แต่หลักๆ ของอาการไมเกรนจะมีดังต่อไปนี้
- เจ็บหรือปวดข้างใดข้างหนึ่งของศีรษะเป็นเวลานาน หรืออาจจะปวดทั้งสองซีกของศีรษะก็อาจเกิดขึ้นได้
- ปวดจี๊ดๆ ปวดตุ๊บๆ หรือมีอาการเจ็บศีรษะเป็นจังหวะ
- มีอาการปวดหัวขณะออกกำลังกายหรือขณะมีความเครียด
- ไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้ หากมีอาการปวดศีรษะ
- รู้สึกป่วยและมีการอาเจียนร่วมด้วย
- ร่างกายมีการตอบสนองที่ไวต่อแสงและเสียง แก้ได้โดยการนอนในที่มืดและเงียบ
- ในบางรายอาจพบอาการอื่นๆ เช่น ท้องเสีย, เหงื่อออก, อุณหภูมิในร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ไมเกรน 
เกิดจากสมองมีความไวต่อสิ่งกระตุ้น ทั้งภายนอกและภายในเกินกว่าปกติ และมันก็แสดงออกมาเป็นอาการปวดหัว  เซลล์สมอง ที่ไม่แข็งแรง มีหลายสาเหตุ และสาเหตุหนึ่งคือพลังงานของเซลล์บกพร่อง จากการบกพร่องแมกนีเซียม ที่เป็น co-enzyme ให้แก่ Mitochondria ที่เสมือนแหล่งพลังงานให้สมอง มีหลายรายงานวิจัย ที่บ่งชี้ว่า ในสมองของคนที่เป็นไมเกรน มีระดับของ แมกนีเซียม ลดลงและนั่นเป็นที่มาของการใช้แมกนีเซียมในการช่วยลดอาการไมเกรน 🇺🇸 คำแนะนำของ American Headache Society หรือ สมาคมโรคปวดหัวอเมริกา แนะนำว่า การใช้แมกนีเซียม ในการลดอาการไมเกรน ได้ประสิทธิภาพที่ดี และเป็นที่ยอมรับของแพทย์เฉพาะทาง แต่ ไม่ใช่แมกนีเซียม ทุกชนิด จะใช้ในการรักษาอาการไมเกรนได้ แต่ต้องเป็น แมกนีเซียม ที่มีมาตรฐานการผลิตในเกรดยา ที่จำทำให้แมกนีเซียมออกฤทธิ์ในสมองได้ดี  โดยพบว่า อาการปวดศีรษะจะลดมากกว่าครึ่ง เมื่อรับประทานอย่างถูกต้อง แมกนีเซียมเกรดยา และขนาดมาตรฐาน ที่ใช้ในการรักษาเชิงป้องกันไมเกรน ทำให้เซลล์สมองแข็งแรงขึ้น 
ถ้าระดับแมกนีเซียม ในสมองส่วน Cortex ในคนไข้ไมเกรน จะทำให้สมองมีความไวกว่าปกติ และกระตุ้นให้เกิดไมเกรนจากการศึกษาพบว่า ระดับแมกนีเซียมที่ตรวจวัดโดย Magnetic Resonance Spectrography พบระดับ Magnesium ลดลงบริเวณ Occipital lobe ที่เป็นส่วนสมองส่วนหลังที่ทำให้เกิดออร่า ที่เป็นอาการกำเนิดของไมเกรน ดังนั้น ในคนไข้ไมเกรน แพทย์ผู้รักษาต้องลดความไวของสิ่งกระตุ้นไมเกรนด้วย Nutritional Combined Therapyโดยการใช้แร่ธาตุและวิตามินมาเป็นเสมือนยารักษา นั่นคือ การเพิ่มแร่ธาตุ Magnesium ให้แก่สมองส่วนไมโทคอนเดรีย ในปริมาณสูงพอที่ใช้สำหรับการรักษาไมเกรน หรือ 600 มิลลิกรัมต่อวัน ร่วมกับ Riboflavin ที่เป็น Co-enzyme จะช่วยให้เซลล์สมองแข็งแรงและไม่ถูกกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมภายนอกง่าย เพราะช่วยลดความไวของสมองต่อสิ่งกระตุ้น
 
2.วิตามิน B6 และ B12 
Vitamin B6 เป็นตัวสำคัญที่จะทำให้การดูดซึมของวิตามิน บี12 เข้าสู่ร่างกายได้เต็มที่และสมบูรณ์ ,ช่วยLinoleic acid หรือ Unsaturated fatty acid ปฎิบัติหน้าที่ดีขึ้น ปกติร่างกายต้องการวันละ 20-22 มิลิกรัม ช่วยในการสร้างสารภูมิคุ้มกันโรค และสังเคราะห์สารแรกเริ่มของวงแหวนเฟอร์ไฟริน (porphyrinring) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเฮโมโกลบิน  มีผลในการรักษาโรคเสื่อมสมรรถภาพ ของอวัยวะต่าง ๆ โรคหัวใจ และเบาหวาน ช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม็ดโลหิตแดง ป้องกันอาการตื่น และไม่สงบของประสาท นอนไม่หลับ ช่วยลดการปวดหัวไมเกรน บรรเทาอาการหงุดหงิด เพิ่มสมาธิ บำรุงสมอง ช่วยสร้างสารต้าน การซึมเศร้าในร่างกาย
 
3.สารสกัดขิง และขิงผง
ขิง (Ginger)เป็นพืชอยู่ในวงศ์ Zingiberaceae มีชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Zingiber officinale Roscoe ขิงมีสรรพคุณเป็นยา ทั้งในตำหรับยาไทย จีน และแพทย์อายุรเวท โดยเหง้าของขิงแก่ มีคุณสมบัติเป็นยาขับลม  ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน แก้ท้องผูก เหงื่อกอักเสบ แก้ไอ ขับเสมหะ บรรเทาข้ออักเสบ รักษาอาการปวดศรีษะ รวมทั้งช่วยกระตุ้นการอยากอาหาร ช่วยลดความรุนแรงของอาการปวดไมเกรนส่วนประกอบสำคัญ สารสกัดจากขิง 80 มก. ผงขิง 40 มก. ผู้ที่มีอาการปวดต่าง ๆ เช่น ปวดเข่า ปวดกล้ามเนื้อ ปวดประจำเดือน ผู้ที่มีอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย 

5.ใบแปะก๊วย
ใบแปะก๊วยประกอบไปด้วยสารออกฤทธิ์หลักที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอยู่ 2 ชนิด คือ ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) และเทอร์พีนอยด์ (Terpenoids) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ มีการนำมารับประทานโดยเชื่อว่าอาจช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตซึ่งอาจช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมอง ตา หู และขาให้ดีขึ้น บรรเทาอาการของโรคอัลไซเมอร์ การสูญเสียความทรงจำ สมาธิสั้น ปวดศีรษะ วิงเวียน หูอื้อ ความผิดปกติทางการได้ยิน นอกจากนี้ในเมล็ดแปะก๊วยยังประกอบไปด้วยสารที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อในร่างกาย แต่ก็อาจมีท็อกซิน (Toxin) หรือพิษที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้มีอาการชักหรือหมดสติ ทั้งนี้ข้อพิสูจน์หรือหลักฐานทางการแพทย์มีมากน้อยเพียงใดที่จะช่วยยืนยันสรรพคุณ ประโยชน์ และความปลอดภัยของการรับประทานแปะก๊วย สารสกัดจากแปะก๊วย รวมถึงสารสกัดจากใบแปะก๊วยที่มีบทบาทหรือส่วนช่วยในการรักษาโรคเหล่านี้
 
การรักษาด้วยแปะก๊วยที่อาจได้ผล
โรควิตกกังวล การขาดหลักฐานและข้อสรุปในปัจจุบันเกี่ยวกับประสิทธิภาพของแปะก๊วยที่มีต่ออาการทางระบบประสาท เช่น ออทิสติก ภาวะซึมเศร้า สมาธิสั้น รวมถึงโรควิตกกังวล ทำให้มีการศึกษาโดยการทบทวนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับประสิทธิภาพของแปะก๊วยต่อโรคทางจิตประสาทรวมถึงโรควิตกกังวลทั่วไป โดยสุ่มให้ผู้ป่วยจำนวน 82 คน รับประทานสารสกัดจากใบแปะก๊วยขนาด 480 มิลลิกรัมต่อวัน หรือ 240 มิลลิกรัมต่อวัน พบว่าผู้ป่วยมีการตอบสนองต่อการรักษาที่ 41% และ 31% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับยาหลอกที่มีการตอบสนองเพียง 22% และมีความปลอดภัยอยู่ในระดับที่ดี จึงอาจได้ผลในการรักษาโรควิตกกังวล แต่ก็ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม อาการก่อนมีประจำเดือน เป็นอาการเรื้อรังชนิดหนึ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ในวัยมีประจำเดือนต่อประสบพบเจอ ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้การรักษาด้วยสมุนไพรเป็นทางเลือกหนึ่งที่อาจช่วยบรรเทาอาการและเกิดผลข้างเคียงได้น้อยกว่า จึงมีการทดลองชิ้นหนึ่งสุ่มให้นักศึกษาหญิงที่มีอาการก่อนมีประจำเดือนทั้งหมด 90 คนรับประทานสารสกัดจากใบแปะก๊วยชนิดเม็ดขนาด 40 มิลลิกรัมหรือยาหลอก 3 ครั้งต่อวัน โดยเริ่มรับประทานในวันที่ 16 ของรอบประจำเดือนไปจนถึงวันที่ 5 ของรอบถัดไป พบว่าความรุนแรงของอาการก่อนมีประจำเดือนทั้งทางร่างกายและทางจิตใจโดยรวมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งในกลุ่มที่รับประทานสารสกัดจากใบแปะก๊วยมีความรุนแรงของอาการลดลงมากกว่าในกลุ่มที่รับประทานยาหลอก อย่างไรก็ตามยังจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสารออกฤทธิ์ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ปริมาณ และระยะเวลาในการรักษา
วิงเวียนศีรษะ เป็นอาการเกิดขึ้นบ่อยและมักพบในเพศหญิงมากกว่าในเพศชาย และส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งมีการทดลองชิ้นหนึ่งสุ่มให้ผู้ป่วยอายุเฉลี่ยที่ 58 ปี จำนวน 160 คน รับประทานสารสกัดจากใบแปะก๊วย ขนาด 240 มิลลิกรัมต่อวันหรือยาเบตาฮีสทีน (Betahistine) ขนาด 32 มิลลิกรัมต่อวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าสารสกัดจากแปะก๊วยมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการวิงเวียนศีรษะเท่าเทียมกับเบตาฮีสทีน ซึ่งเป็นยาที่ใช้รักษาอาการวิงเวียนศีรษะอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ปวดศีรษะไมเกรน มีการศึกษาขั้นต้นเกี่ยวกับการใช้สารกิงโกไลด์ ชนิดบี (Ginkgolide B) ซึ่งเป็นสารสกัดจากใบแปะก๊วยชนิดหนึ่งในการป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรน โดยหยุดยาก่อนการทดลองเป็นเวลา 2 เดือน และรับประทานยาที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบแปะก๊วยนี้ขนาด 60 มิลลิกรัม โคเอนไซม์คิวเท็นขนาด 11 มิลลิกรัม และวิตามินบี 12 ขนาด 8.7 มิลลิกรัม 2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 4 เดือน และให้ผู้ป่วยจดบันทึกรายงานเกี่ยวกับอาการทางระบบประสาท ระยะเวลาและความถี่ของอาการ พบว่าสารกิงโกไลด์ ชนิดบีมีประสิทธิภาพในการลดความถี่และระยะเวลาของอาการปวดศีรษะไมเกรน โดยที่ผลการทดลองปรากฏชัดในช่วงแรกและเพิ่มขึ้นในช่วงที่ 2 ของการรักษา แต่เนื่องจากหลักฐานสนับสนุนคุณสมบัติของแปะก๊วยต่ออาการปวดศีรษะไมเกรนยังไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องทำการศึกษาต่อไป
 
ความปลอดภัยในการรับประทานแปะก๊วย
การรับประทานแปะก๊วยหรือสารสกัดจากใบแปะก๊วยโดยทั่วไปแล้วค่อนข้างปลอดภัยหากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม แต่ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ปวดศีรษะ วิงเวียน ใจสั่น คลื่นไส้ แน่นท้อง ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ท้องผูก หรือท้องเสีย และอาจเกิดอาการแพ้ในผู้ที่แพ้แปะก๊วย และยังมีข้อควรระวังในการใช้แปะก๊วยดังต่อไปนี้
 
สารสกัดจากใบแปะก๊วย
อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งตับและมะเร็งต่อมไทรอยด์ อย่างไรก็ตามยังคงมีเพียงการทดลองโดยใช้แปะก๊วยปริมาณมากในสัตว์เท่านั้น ยังไม่พบข้อมูลพี่เพียงพอที่ยืนยันว่าจะเกิดความเสี่ยงดังกล่าวกับมนุษย์ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลฟกช้ำและเลือดออกได้ โดยที่แปะก๊วยจะส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด และพบว่าอาจมีเลือดออกมากหลังการผ่าตัด อาจไม่ปลอดภัยหากใช้สารสกัดจากใบแปะก๊วยฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ เมล็ดหรือใบแปะก๊วย อาจไม่ปลอดภัยหากรับประทานเมล็ดแปะก๊วยที่นำไปอบมากกว่าวันละ 10 เมล็ด เพราะอาจเป็นสาเหตุทำให้หายใจลำบาก ชีพจรอ่อน มีอาการชัก หมดสติ และช็อก การรับประทานเมล็ดและใบแปะก๊วยสดอาจไม่ปลอดภัย เพราะเมล็ดแปะก๊วยสดมีพิษ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการชักและเสียชีวิต รวมถึงมีข้อควรระวังในการรับประทานแปะก๊วยโดยเฉพาะบุคคลในกลุ่มดังต่อไปนี้
 
ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร ไม่ควรรับประทานแปะก๊วยหากกำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เพราะการรับประทานแปะก๊วยอาจไม่ปลอดภัย และอาจเป็นสาเหตุทำให้คลอดก่อนกำหนดหรือมีเลือดออกมากในขณะคลอด และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการรับประทานแปะก๊วยในช่วงให้นมบุตรจะส่งผลให้เกิดอันตรายต่อมารดาหรือทารกหรือไม่ 

ทารกและเด็ก การรับประทานสารสกัดจากใบแปะก๊วยอาจเป็นไปได้ว่าปลอดภัยหากใช้ในระยะเวลาสั้น ๆ

ผู้ป่วยโรคเบาหวาน อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของยาที่ใช้อยู่ในขณะนั้น และควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างใกล้ชิด

ผู้ที่มีอาการชัก ไม่ควรรับประทานแปะก๊วยหากเคยมีอาการชัก เพราะอาจทำให้อาการกำเริบได้

ผู้ที่มีภาวะขาดเอนไซม์จีซิกพีดี (G6PD) ควรหลีกเลี่ยงหรือรับประทานแปะก๊วยด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดเม็ดเลือดแดงแตกสลายและโลหิตจางอย่างรุนแรง

ผู้ที่มีภาวะมีบุตรยาก การรับประทานแปะก๊วยอาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์ได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหากกำลังวางแผนการตั้งครรภ์

ผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดรับประทานแปะก๊วยก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะอาจส่งผลให้เลือดแข็งตัวช้าลง หรือทำให้มีเลือดออกมากในระหว่างหรือหลังการผ่าตัด และไม่ควรใช้แปะก๊วยในผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ

ผู้ที่รับประทานยาหรืออาหารเสริมเป็นประจำ รวมถึงอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการรักษาทางจิตเวชด้วยไฟฟ้า (Electroconvulsive Therapy: ECT) เพราะอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ หากรับประทานแปะก๊วยร่วมกับการใช้ยาดังต่อไปนี้
ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด
ยาในกลุ่มเอ็นเสด
ยาต้านเกล็ดเลือด
ยากันชัก
ยารักษาอาการซึมเศร้า
ยารักษาโรคเบาหวาน
ยาที่ส่งผลต่อตับ
สมุนไพร เช่น กระเทียม ซอว์พาเมตโต เซนต์จอห์นวอร์ต เป็นต้น
 
6.วิตามิน ซี
วิตามินซีช่วยป้องกันไมเกรน เมื่อรับประทานร่วมกับ วิตามินB 5 หรือ Pantothenic acid โดยวิตามินซีจะไปช่วยร่างกายในการต่อสู้กับความเครียดได้ดีขึ้น
วิตามินซีช่วยลดความเครียด และยังเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนกรดอะมิโนให้กลายเป็นสารในสมอง ซึ่งมีความจำเป็นต่อสมองและหน้าที่ของระบบประสาทด้วย
วิตามินซีช่วยเพิ่มความแข็งแรงของภูมิต้านทานโรค โดยเฉพาะประสิทธิภาพของเม็ดเลือดขาว

การรับประทานวิตามินซี ภาวะปรกติปริมาณที่แนะนำให้ทานคือ 60 มิลลิกรัมต่อวัน อย่างไรก็ตาม 
เพื่อสุขภาพที่ดีจะต้องรับประทานอย่างน้อย 100-200 มิลลิกรัมต่อวัน คนที่มีความเครียดควรรับประทานวันละ 500 มิลลิกรัมต่อวัน ผู้ที่นิยมรับประทานวิตามินซีไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับในปริมาณที่มากเกินไปเพราะสามารถละลายในน้ำได้ดี หากร่างกายไม่ได้ใช้ก็จะมีการขับออกมาได้ทางปัสสาวะ อีกทั้งยังไม่มีการรายงานเกี่ยวกับพิษที่เกิดจากการรับประทานวิตามินซี แม้รับประทานในปริมาณที่สูงกว่า6,000-18,000 มิลลิกรัมแต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ยังมีข้อพึงระวังในการรับประทานวิตามินซี การรับประทานในปริมาณสูงๆอาจจะมีผลต่อการดูดซับแร่ธาตุอื่นๆ เช่น Copper Selenium อาจมีผลต่อความผิดพลาดของผลการตรวจระดับน้ำตาลในปัสสาวะได้ วิตามินซีทำให้การดูดซึมแร่ธาตุเหล็กได้ดี จึงอาจจะเกิดภาวะได้รับแร่ธาตุเหล็กเกิน

 
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัลแอร์พอร์ท เชียงใหม่ ออมทรัพย์
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านเชียงดาวเฮิร์บ
เชียงดาวเฮิร์บ
ขายอาหารเสริมและสมุนไพร
เบอร์โทร : 0846886916
อีเมล : proweb1199@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม